อย่าปล่อยให้การล้อเลียน “ปมด้อย”
ทราบหรือเปล่าว่า ทุกวี่วันวันศุกร์ที่ 3 เดือนไม่.ย.ของทุกปี ถูกกำหนดให้เป็นวัน Stop Cyberbullying Day หรือวันหยุดผู้กระทำลั่นแกล้งกันบนโลกอินเตอร์เน็ต ซึ่งปัจจุบันนี้การ Bully หรือแกล้งกันมีให้มองเห็นในสังคมจนถึงคือเรื่องธรรดา โดยยิ่งไปกว่านั้นในสื่อสังคมออนไลน์ที่พวกเราอยากได้มองเห็นเนื้อความกลุ่มนี้มาก ถึงแม้ต่างข้างจะมิได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัวก็ตาม
การ Bully ที่มองเห็นกันเป็นประจำมักหนีไม่พ้นการนำข้อด้อยของคนอื่นมาล้อเลียนกันกระทั่งเกิดเรื่องคะนองปาก ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ภายนอก การศึกษาเล่าเรียน ความยากดีมีจนถึง ไปจนกระทั่งการล้อเลียนเรื่องบิดามารดา สูตรเล่นบาคาร่าให้ใช้ฟรี เป็นวิทยาทาน
ที่สำคัญ ในบ้านพวกเรามีอัตราการ Bully ในโรงเรียนสูงมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรุ๊ปเด็กอายุ 10-15 ปี ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบความคิดเห็นเกี่ยวกับผู้กระทำลั่นแกล้ง ความร้ายแรงในโรงเรียน โดยโครงข่ายทนายความเพื่อเด็กรวมทั้งเยาวชน เมื่อตอนต้นปีให้หลัง พบว่ามีเด็กๆสูงถึง 91.79 เปอร์เซ็นต์ ที่เคยถูกแกล้งในสถานศึกษาจากสหาย รุ่นพี่ หรือรุ่นน้อง สูตรเล่นบาคาร่าให้ใช้ฟรี เป็นวิทยาทาน
โดยกระบวนการ Bully มีนานาประการ อีกทั้งทางร่างกาย เป็นต้นว่า ตบตี หรือต่อย, ด้านสังคม ดังเช่นว่า บีบคั้นให้ออกจากกรุ๊ป ไม่ให้อยู่ในกรุ๊ปเพื่อนพ้อง, ทางคำกล่าว เป็นต้นว่า เย้ยหยัน กระแหนะกระแหน กระเซ้า และก็ทางโลกออนไลน์ ซึ่งไม่จำกัดเพียงแค่วงเพื่อนพ้องในสถานที่เรียนแค่นั้น แต่ว่ายังขยายขอบเขตกว้างออกไป กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดความขายขี้หน้าและก็ปวดมากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้น หลายท่านก็เลยกลายเป็นเหยื่อผู้กระทำลั่นแกล้งกันบนโลกอินเตอร์เน็ต หรือ Cyber bullying เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเพราะว่านอกเหนือจากจะหาเพศผู้ปฏิบัติได้ยากกว่าแนวทางการอื่นๆแล้ว ก็ยังเป็นเหตุให้คนที่ถูกกระทำได้รับความขายขี้หน้าและก็ปวดมากยิ่งกว่าด้วย ซึ่งสถิติจากเว็บ nobullying.com กล่าวว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของคนที่กลายเป็นเหยื่อ Cyber bullying ไม่กล้าบอกกับบิดามารดาหรือผู้ดูแลของตนเอง กระทั่งส่งผลให้ถูกกระทำซ้ำตามมา แล้วก็มีความร้ายแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่น่าห่วง เป็นสังคมไทยยังมีกลุ่มชนนิดหน่อยที่คิดว่าผู้กระทำลั่นแกล้ง ล้อเลียนกลุ่มนี้คือเรื่องธรรดาของเด็กๆที่จะต้องมีการปะทะหรือทะเลาะกันบ้าง ก็เลยเลือกที่จะปลดปล่อยผ่านไป มากยิ่งกว่าจะฟังปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่กับบุตรหลานของตัวเอง
ถ้าเกิดยังคงอยู่เฉย เห็นว่าเกิดเรื่องเล็กๆก็อาจส่งผลให้เด็กพวกนั้นถูกทำร้ายทางด้านจิตใจโดยไม่ทันรู้ตัว ด้วยเหตุผลดังกล่าว จำเป็นต้องหมั่นพิจารณาความเปลี่ยนไปจากปกติที่เกิดสังกัดพวกเขา แล้วก็พร้อมฟังเมื่อมาขอความเห็น โดยอย่าทำให้พวกเขาจำเป็นต้องประสบเจอกับปัญหาตามลำพัง ด้วยเหตุว่าบิดามารดา-ผู้ดูแลมีบทบาทสำหรับการสร้างเกราะคุ้มครองให้กับเด็กๆเพื่อพวกเขาเติบโตอย่างแกร่งในโลกที่นับวันจะไร้มนุษยธรรมขึ้นแต่ละวัน!
ขอบคุณรูปภาพจาก https://www.sanook.com/
การ Bully ที่มองเห็นกันเป็นประจำมักหนีไม่พ้นการนำข้อด้อยของคนอื่นมาล้อเลียนกันกระทั่งเกิดเรื่องคะนองปาก ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์ภายนอก การศึกษาเล่าเรียน ความยากดีมีจนถึง ไปจนกระทั่งการล้อเลียนเรื่องบิดามารดา สูตรเล่นบาคาร่าให้ใช้ฟรี เป็นวิทยาทาน
ที่สำคัญ ในบ้านพวกเรามีอัตราการ Bully ในโรงเรียนสูงมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรุ๊ปเด็กอายุ 10-15 ปี ซึ่งจากการลงพื้นที่ตรวจสอบความคิดเห็นเกี่ยวกับผู้กระทำลั่นแกล้ง ความร้ายแรงในโรงเรียน โดยโครงข่ายทนายความเพื่อเด็กรวมทั้งเยาวชน เมื่อตอนต้นปีให้หลัง พบว่ามีเด็กๆสูงถึง 91.79 เปอร์เซ็นต์ ที่เคยถูกแกล้งในสถานศึกษาจากสหาย รุ่นพี่ หรือรุ่นน้อง สูตรเล่นบาคาร่าให้ใช้ฟรี เป็นวิทยาทาน
โดยกระบวนการ Bully มีนานาประการ อีกทั้งทางร่างกาย เป็นต้นว่า ตบตี หรือต่อย, ด้านสังคม ดังเช่นว่า บีบคั้นให้ออกจากกรุ๊ป ไม่ให้อยู่ในกรุ๊ปเพื่อนพ้อง, ทางคำกล่าว เป็นต้นว่า เย้ยหยัน กระแหนะกระแหน กระเซ้า และก็ทางโลกออนไลน์ ซึ่งไม่จำกัดเพียงแค่วงเพื่อนพ้องในสถานที่เรียนแค่นั้น แต่ว่ายังขยายขอบเขตกว้างออกไป กระตุ้นแล้วส่งผลให้มีการเกิดความขายขี้หน้าและก็ปวดมากขึ้นเรื่อยๆ
เพราะฉะนั้น หลายท่านก็เลยกลายเป็นเหยื่อผู้กระทำลั่นแกล้งกันบนโลกอินเตอร์เน็ต หรือ Cyber bullying เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเพราะว่านอกเหนือจากจะหาเพศผู้ปฏิบัติได้ยากกว่าแนวทางการอื่นๆแล้ว ก็ยังเป็นเหตุให้คนที่ถูกกระทำได้รับความขายขี้หน้าและก็ปวดมากยิ่งกว่าด้วย ซึ่งสถิติจากเว็บ nobullying.com กล่าวว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของคนที่กลายเป็นเหยื่อ Cyber bullying ไม่กล้าบอกกับบิดามารดาหรือผู้ดูแลของตนเอง กระทั่งส่งผลให้ถูกกระทำซ้ำตามมา แล้วก็มีความร้ายแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
สิ่งที่น่าห่วง เป็นสังคมไทยยังมีกลุ่มชนนิดหน่อยที่คิดว่าผู้กระทำลั่นแกล้ง ล้อเลียนกลุ่มนี้คือเรื่องธรรดาของเด็กๆที่จะต้องมีการปะทะหรือทะเลาะกันบ้าง ก็เลยเลือกที่จะปลดปล่อยผ่านไป มากยิ่งกว่าจะฟังปัญหาที่เกิดขึ้นอยู่กับบุตรหลานของตัวเอง
ถ้าเกิดยังคงอยู่เฉย เห็นว่าเกิดเรื่องเล็กๆก็อาจส่งผลให้เด็กพวกนั้นถูกทำร้ายทางด้านจิตใจโดยไม่ทันรู้ตัว ด้วยเหตุผลดังกล่าว จำเป็นต้องหมั่นพิจารณาความเปลี่ยนไปจากปกติที่เกิดสังกัดพวกเขา แล้วก็พร้อมฟังเมื่อมาขอความเห็น โดยอย่าทำให้พวกเขาจำเป็นต้องประสบเจอกับปัญหาตามลำพัง ด้วยเหตุว่าบิดามารดา-ผู้ดูแลมีบทบาทสำหรับการสร้างเกราะคุ้มครองให้กับเด็กๆเพื่อพวกเขาเติบโตอย่างแกร่งในโลกที่นับวันจะไร้มนุษยธรรมขึ้นแต่ละวัน!
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น